ขนมแป้งจี่ vs ขนมบ้าบิ่น!!

“สองคำ สองคม”  แป้งจี่ ปะทะ บ้าบิ่น !!

ศึกดวลเดือด  ของขนมที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ จนหลายคนแยกไม่ออก

บางครั้งถึงกับสับสนว่าขนมที่กินอยู่คืออะไรกันแน่  ชิ้นก็เท่า ๆ กัน  สีก็คล้ายกัน

แถมบางครั้งรสชาติยังแทบไม่ต่างกันอีก  แต่ปัญหานี้จะหมดไป  เพราะร้านขนมสยาม

จะมาเคลียร์ทุกอย่างให้แบบ จบๆ ใน  4 รูปนี้  อ่านจบปุ๊บรู้ทันที  อันไหน ขนมแป้งจี่  ชิ้นไหน ขนมบ้าบิ่น

ต่อให้ขนมสองชนิดนี้หน้าตาจะคล้ายแถมวัตถุดิบหลักก็เหมือน  คือ  แป้งข้าวเหนียว,มะพร้าว,น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลมะพร้าว แต่วิธีการทำนั้น  ต่างแบบคนละโลก เพราะ  ขนมบ้าบิ่น  ใช้การ “อบ”  แต่ขนม แป้งจี่ ใช้การจี่กับไฟให้สุก
โดยเฉพาะ  ขนมแป้งจี่  สูตรของร้านขนมสยาม ที่คุณ นิภา หาญพงศ์พิพัฒน์  คิดค้นขึ้นนั้น  ใช้แค่น้ำตาลทรายและมีการเพิ่ม  ไข่ไก่ รวมถึง  ใส่ข้าวโพด  ทำให้แป้งจี่มีความนุ่ม และ หอม แถมมีรสชาติอร่อยจากข้าวโพดอีกด้วย

ประวัติขนมบ้าบิ่น

ขนมที่หน้าตาเหมือน แป้งจี่ นี้ นอกจากความต่างด้วยวิธีการทำดังที่กล่าวไปแล้ว จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ 2 ด้านเกี่ยวกับต้นกำเนิดของขนมชนิดนี้นั้นมีอยู่ว่า อย่างแรก บ้าบิ่น เกิดจากชาวไทยนำขนมโปรตุเกสชื่อ บาร์บิล มาดัดแปลง ส่วนอีกด้านนั้นเชื่อว่า หญิงไทยเชื้อสายโปรตุเกส ในชุมชนกุฎีจีน ชื่อ ป้าบิ่น เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนกันเป็น “บ้าบิ่น”    

ซึ่งหลักฐานอย่างหลังนั้นน่าเชื่อถือกว่าพอสมควรเพราะไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นขนมชื่อ “บาร์บิล” เลย และหากป้าบิ่น เป็นผู้คิดค้นขึ้นมาจริงนั้น ขนมบ้าบิ่น จะมีต้นกำเนิดหลัง ขนมแป้งจี่ เสียอีก เพราะขนมแป้งจี่นั้นปรากฏชื่อใน

วรรณกรรมขุนช้าง-ขุนแผน ตอนที่ 37 “นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์” ดังที่เคยเล่าไว้ในโพสท์นี้

https://www.facebook.com/kanomsiam/photos/pcb.3075898539152692/3075897832486096/?type=3&theater

.

ขุนช้าง – ขุนแผน นั้นแต่งขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แม้จะมีการแต่งเพิ่มในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น(รัชกาลที่ 2 -3) ก็ตาม  

ที่สำคัญทั้ง 2 สูตรปราศจากน้ำมัน 100 % ทานแล้วดีต่อสุขภาพ  รับรองอร่อยทุกชิ้น และ อร่อยไม่เคยเปลี่ยนมานานกว่า  45  ปีเหมือนร้านดั้งเดิมในสยามสแควร์ทั้ง 3 ที่คือ  หน้าแคนตั้นสุกี้ และ โคคาสุกี้  สยามสแควร์ ตลอดจนทางเท้าบริเวณทางออก สยามฯซอย 7  รอคุณมาพิสูจน์ทั้ง 3 สาขา