“สังขยา” หรือ ไส้ใบเตย หนึ่งไส้ทีเด็ดใน “ขนมกรวยทอง” ของร้านขนมสยาม ที่หลายคนคงเคยลิ้มลองและชื่นชอบกับความหอมของกลิ่นใบเตย รสหวานพอดี กัดเข้าปากมีแต่คำว่า Like ไร้คำว่าเลี่ยน
.
ทุกคนคงคุ้นเคยกับสังขยาจนเรียกว่ารู้จักตั้งแต่จำความได้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้ว เจ้าขนมสีเขียวนี้มีต้นกำเนิดจากอะไร วันนี้ ขนมสยามจะมาเล่าให้ทุกคนรู้จนเข้าใจกัน
.
เชื่อกันว่า “สังขยา” มีต้นกำเนิดมาจากยุโรปตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ภายใต้ชื่อว่า “คัสตาร์ด” ก่อนจะเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย ชาวโปรตุเกสที่เข้ามายึดเมืองท่ามะละกา ในปี พ.ศ.2054 (ค.ศ.1511) เพื่อทำการค้าขายกับกับหลายอาณาจักร รวมถึง อยุธยา
อาณาจักรอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีชาวต่างชาติมากมายทั้งจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งและแขกเปอร์เซียต่างเข้ามาติดต่อค้าขายในอาณาจักร รวมถึงนางมารีกีมาร์หรือท้าวทองกีบม้า ภรรยาของฟอลคอนขุนนางคนสนิทของสมเด็จพระนารายณ์ด้วย ท้าวทองกีบม้าได้นำขนมของโปรตุเกสมาเปลี่ยนโฉมโดยใช้วัตถุดิบเท่าที่จะหาได้ในไทย จนเกิดขนมที่เราเห็นในปัจจุบันหลายชนิด ทั้ง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง รวม “สังขยา”
.
โดยสังขยาหรือคัสตาร์ดแบบฝรั่งจะใช้นมวัวแต่สูตรไทยปรับมาใช้ “กะทิ” ซึ่งปัจจุบันในบ้านเรา มีสังขยา 2 แบบ ดังนี้
1.แบบคงตัว เหมือน คัสตาร์ดของยุโรป อย่าง ข้าวเหนียวสังยา และ ฟักทองสังขยา
2.แบบครีม อย่างที่ร้านขนมสยามใช้เป็นหนึ่งในไส้ของ “ขนมกรวยทอง”
สังขยา ที่ร้านขนมสยามใช้เป็น ไส้ของขนมกรวยอง นั้น มีวัตถุดิบหลัก คือ ไข่ จาก ไก่ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติปลอดสาร และ ใบเตยซึ่งนำมาสกัดเย็น จนได้น้ำใบเตยแท้ 100 % ช่วยเติมสีสันและสร้างกลิ่นหอมสุดเอกลักษณ์ เมื่อนำทั้ง 2 อย่างนี้มาผสมกับ น้ำตาลปริมาณพอเหมาะ แล้วกวนเข้ากันอย่างพิถีพิถัน ก็ได้ออกมาเป็น อีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่ร้านขนมสยามใส่ใจและอยากนำเสนอให้กับทุกคน
.
แวะมาลิ้มลองรสชาติของ สังขยาในขนมกรวยทอง ได้ที่ ร้านขนมสยาม ทั้ง 3 สาขา บอกเลยว่า ไส้อื่น ๆ ทั้ง ชาไทย เผือก หรือ ครีมคัสตาร์ด ก็อร่อยเด็ดไม่แพ้กัน
Leave a comment